ศึกษาธิการ - นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธานการประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 8/2556 เมื่อวันที่ 5
กันยายน 2556 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ โดยมีประเด็นสำคัญสรุปดังนี้
● การเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
รมว.ศธ.กล่าวว่า
ได้เดินทางไปร่วมพิธีเปิด "2013 China-ASEAN Expo" ครั้งที่ 10
และได้รับเกียรติให้เป็นผู้กล่าวเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ในงาน "2013
China-ASEAN Vocational Education Exhibition and Forum"
รวมทั้งเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสถาบันการ
ศึกษา/วิทยาลัยอาชีวศึกษาของจีน และประเทศอาเซียน และเยี่ยมชม
"ศูนย์ศึกษาไทย" ของมหาวิทยาลัยครูกว่างซี ระหว่างวันที่ 3-4
กันยายน 2556 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
รวบรวมและคัดเลือกประเด็นด้านการจัดการศึกษาของจีนที่สำคัญๆ
เพื่อนำมาใช้ประโยชน์กับการศึกษาไทยต่อไป
● คณะทำงานด้านต่างประเทศของ ศธ.
รมว.ศธ.มอบหมายให้ที่ประชุมจัดตั้งคณะ
ทำงาน
ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ทำงานด้านต่างประเทศจากแต่ละองค์กรหลักและหน่วยงานใน
กำกับของ ศธ.เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
และมีการประสานการทำงานกันมากขึ้น เช่น
กรณีมีเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ มาเข้าเยี่ยมคารวะ
และได้หารือการศึกษาในด้านต่างๆ
แต่หน่วยงานเจ้าของเรื่องไม่ได้เข้าร่วมด้วย
จึงควรจะมีคณะทำงานเป็นผู้ประสานข้อมูลไปยังองค์กรที่รับผิดชอบหรือเกี่ยว
ข้องในเรื่องนั้นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
●
รายงานการจัดอันดับการศึกษาของ World Economic Forum –The Global
Competitiveness Report 2012-2013 จาก 8 ประเทศในอาเซียน
ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8
รมว.ศธ.กล่าวว่า
แม้ว่าข่าวการรายงานอันดับการศึกษาไทยครั้งนี้จะเป็นด้านลบ
แต่เราก็สามารถที่จะสื่อสารให้เป็นไปในด้านบวกได้
โดยจะไม่แก้ข่าวหรือพูดในทำนองว่า รายงานนี้มีข้อมูลน่าเชื่อถือเพียงใด
มีตัวชี้วัดหรือแบบสอบถามที่มีมาตรฐานหรือไม่
แต่จะยอมรับกับผลที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไข โดย
ศธ.ได้ประกาศนโยบายยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เทียบเคียงกับมาตรฐานสากล
ซึ่งพบว่าตัวชี้วัดของมาตรฐานสากลบางตัว
ทำให้การศึกษาไทยยังไม่เป็นที่พึงพอใจและมีความกังวลห่วงใยเกี่ยวกับอันดับ
การศึกษาไทยในการทดสอบระดับนานาชาติมาโดยตลอด
และได้มีแผนที่จะประชุมหารือระดับผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย
“รวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา”
จากนั้นก็ต้องมาช่วยคิดหาวิธีสื่อสารและประชาสัมพันธ์แนวทางการและวิธีการ
แก้ไขเรื่องนี้ไปสู่สังคมในวงกว้างต่อไป
● รายงานผลการประชุมสัมมนาการปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ : ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน
ที่ประชุมได้รับทราบผลการประชุมสัมมนา
การปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ : ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน ซึ่ง
สพฐ.จัดขึ้นเพื่อระดมความคิดเห็นจากผู้แทนองค์กรหลัก
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ครู
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
สำหรับเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้สู่การปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2556 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
กรุงเทพฯ โดยมีข้อเสนอแนะจากที่ประชุมในกรอบประเด็น 4 เรื่อง ดังนี้
1. ทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนแต่ละช่วงวัย ใน 3 ด้าน คือ
ด้านนโยบาย
ให้มีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนที่ชัดเจน
และมีนโยบายขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งระบบ
ด้านการจัดการเรียนการสอน ให้ขยายพื้นที่การเรียนรู้สู่ชุมชน
ปรับบทบาทครูเป็นผู้เสนอแนะ แท็บเล็ตเน้นการคิดวิเคราะห์
ปรับสัดส่วนการสอนพื้นฐานกับการสอนคิดให้สัมพันธ์กัน
การแก้ปัญหาเรื่องภาษา และการพัฒนาครู
ให้มีการรื้อหรือปรับระบบการผลิตครูที่เน้นคุณภาพ
และระบบวิทยฐานะที่เน้นโครงงาน ผลสอบ O-Net
และการพัฒนาด้านอื่นๆ ด้วย
2. ปรับกระบวนทัศน์การจัดการเรียนการสอนที่เน้นทักษะคิดวิเคราะห์
มีข้อเสนอให้เน้นทักษะการคิดด้วยทฤษฎีกุญแจ 7 ดอก
พลิกโฉมโรงเรียนให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะการคิดด้วยกุญแจ 5 ดอก
มีการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน กระบวนการคิดของผู้เรียน
และกระบวนการวิเคราะห์ที่เชื่อมโยงกับ Core Subject และ Core Issue
3. ปรับการวัดและประเมินผลที่สะท้อนความสามารถของผู้เรียน มี
ข้อเสนอด้านนโยบายการวัดและประเมินผลควรเป็นบทบาทของสำนักงานเขตพื้นที่การ
ศึกษาและโรงเรียน
และสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติควรนำแนวคิดของ PISA มาปรับใช้
ด้านเป้าหมาย การพัฒนาเครื่องมือที่สามารถจำแนกคุณภาพผู้เรียนได้
ให้ผู้เรียนและครูสามารถประเมินตนเองได้ ครูสามารถประเมินนักเรียนได้
และอาจจะมีการปรับระบบ Admission ส่วนด้านการพัฒนาครู
ให้มีการพัฒนาความรู้เรื่องการประเมินในชั้นเรียน
4. สร้างกลไกการกำกับติดตามอย่างครบวงจร
มีข้อเสนอให้มีการจัดกลุ่มในการขับเคลื่อน (Task Force) และใช้
Triple A คือ Analyze Alert และ Action
บูรณาการกับรายงานประจำปีและการประกันคุณภาพภายในของเขตพื้นที่การศึกษาและ
สถานศึกษา
รม
ว.ศธ.มีความเห็นว่า ข้อเสนอจากที่ประชุมมีประโยชน์
และควรที่จะนำมาปรับใช้ จึงขอให้มีการรวบรวมและช่วยคิดว่า
จะมีวิธีการสื่อสารไปยังการศึกษาทั้งระบบและสาธารณชนได้อย่างไร
เพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานที่มีความต่อเนื่อง
ซึ่งในบางเรื่องที่ดำเนินได้ดีหรือสามารถใช้เป็นมาตรฐานได้
ก็ควรจะมีการจัดทำเป็นคู่มือ เพื่อส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องได้นำไปใช้
ซึ่งสามารถที่จะสร้างสรรค์วิธีการดำเนินการนอกเหนือคู่มือได้เอง
จะไม่ปิดกั้นว่าจะต้องทำตามคู่มือทั้งหมด
● รายงานผลการประชุมจัดทำแผน/โครงการ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบาย รมว.ศธ.
ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการ
ดำเนินงานตามนโยบาย
รมว.ศธ.เพื่อขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาคุณภาพอาชีวศึกษาให้มีมาตรฐานเทียบได้
ระดับสากล ผลักดันกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ
พัฒนาการเรียนการสอนโดยขยายระบบทวิภาคีร่วมกับภาคการผลิตและสถานประกอบการ
มากขึ้น
รวมทั้งมีมาตรการจูงใจให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาสถานศึกษาในลักษณะ
ทวิภาคี โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษา : สามัญ
เปลี่ยนเป็น 50 : 50 ภายในปี 2558
โดยมีกรอบแนวทางขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ เช่น
- การประเมินสถานการณ์อาชีวศึกษาโดยเร่งด่วน
:
ได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
เพื่อศึกษาสถานการณ์และจัดทำขอบเขตงานประกอบการจัดซื้อจัดจ้างมหาวิทยาลัย
ดำเนินการประเมินสถานการณ์
- เร่งผลิตกำลังคนระดับ ปวช. ปวส. และหลักสูตรระยะสั้น : ได้กำหนดโครงสร้างการทำงานของ กรอ. และเตรียมจัดประชุมหารือ
- เร่งผลักดันกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ : กำหนดสาขาเร่งด่วนนำร่อง อาทิ ปิโตรเคมี พาณิชย์นาวี โรงแรมและการท่องเที่ยว อัญมณี ฯลฯ
- การขยายและยกระดับการเรียนการสอนระบบทวิภาคี
: หารือความร่วมมือไทย-เยอรมนี
ยกย่องเชิดชูเกียรติสถานประกอบการ
เตรียมจัดประชุมหารือกับสถานประกอบการและสถานศึกษา
- พัฒนาระบบความร่วมมือกับต่างประเทศ :
ทบทวนความร่วมมือกับต่างประเทศ
โดยมีเป้าหมายทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลก
ในระดับอาชีวะศึกษาและระดับสถาบัน วิทยาลัย
- ปรับภาพลักษณ์การอาชีวศึกษา : กำหนดกลยุทธ์ปรับภาพลักษณ์ หารือกับสถานประกอบการขนาดใหญ่ และเตรียมจัด Road Show แนะแนวการศึกษา
● แนวทางการปรับหลักสูตรการคำนวณการจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายรายหัวการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ที่ประชุมรับทราบสรุปข้อเสนอแนวทางการ
อุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)
ได้ดำเนินการศึกษาสภาพการณ์ปัจจุบัน ปัญหา
และรวบรวมข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัว
ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ความแตกต่างระหว่างเงินอุดหนุนรายหัวและค่าใช้จ่ายจำเป็นขั้นต่ำ
ซึ่งเงินอุดหนุนรายหัว ได้แก่ ค่าสาธารณูปโภค ค่าบริหารวิชาการ
ค่าบริหารทั่วไป และค่าพัฒนาครู ส่วนค่าใช้จ่ายจำเป็นขั้นต่ำ
(Fixed Cost)
หมายถึงค่าใช้จ่ายที่โรงเรียนใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียน
หรือดำรงความเป็นโรงเรียน คิดจากเงินเดือน/ค่าจ้าง ค่าสาธารณูปโภค
ค่าบริหารวิชาการ และค่าบริหารทั่วไป ซึ่งผลการคำนวณพบว่า
ค่าใช้จ่ายประจำขั้นต่ำและเงินอุดหนุนรายหัวไม่ต่างกัน
2. ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ได้แก่
สพฐ.-ค่าจัดการเรียนการสอนในส่วนของค่าใช้จ่ายรายหัวและปัจจัยพื้นฐานสำหรับ
นักเรียนยากจนไม่เพียงพอ
สอศ.-ค่าใช้จ่ายที่ได้รับไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
และไม่สอดคล้องกับสภาพการฝึกปฏิบัติงานที่เน้นฝึกทักษะพื้นฐานและทักษะขั้น
สูง กศน.-ค่าใช้จ่ายรายหัวที่ได้รับ
ไม่มีรายการค่าอุปกรณ์การเรียนและมีความจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
จัดการจำนวนมากสำหรับศูนย์การเรียนชุมชนบนเขา บนเกาะ
รม
ว.ศธ.เห็นว่า เมื่อมีการวิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์ต่างๆ แล้ว
ก็จะต้องไปคิดต่อในหลายแง่มุม เพราะเรื่องนี้เป็น Multiple
Question โดยเฉพาะผลกระทบต่อการศึกษา เช่น
ค่าใช้จ่ายรายหัวจะมีผลกระทบกับการศึกษาอย่างไร
จะทำให้โรงเรียนขนาดใหญ่ดูดนักเรียนจากโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็กหรือไม่
ทำให้โรงเรียนสังกัด
สพฐ.ดึงเด็กไว้เพราะไม่ต้องการให้เด็กไปเรียนสายอาชีวะหรือไม่
และจะมีสัดส่วนการอุดหนุนรายหัวกับการ Fix Cost อย่างไร
ที่จะไม่ทำให้จำนวนนักเรียนเข้ามามีบทบาทมากเกินไป
จนทำให้โรงเรียนขนาดเล็กไม่สามารถจัดการศึกษาได้ นอกจากนี้
จะต้องมีการรวบรวมเรื่องเหล่านี้ และมีการประชุมหารือเป็นการเฉพาะ
เพราะเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก
โดยขอให้มีการตั้งคณะทำงานและตั้งโจทย์การทำงานที่ชัดเจน
เพื่อเป็นแนวทางในการประชุม
ทั้งนี้ได้มอบให้ ดร.กิตติ ลิ่มสกุล
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ
รวบรวมเรื่องที่ค้างหรืออยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น
เรื่องที่กฎหมายให้ดำเนินการ ผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลเรื่องเงินเดือน
15,000 บาท ครูอัตราจ้าง ฯลฯ จากนั้นให้ระบุสถานะของเรื่องนั้นๆ
ว่าดำเนินการถึงขั้นตอนใด มีแผนดำเนินการอย่างไร และส่งให้
รมว.ศธ.และที่ประชุม
ศธ.เพื่อรับทราบและเกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน
● การสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา
ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการ
ดำเนินงานสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา
ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ศธ. โดยได้ดำเนินการ
X-Ray นักเรียน นักศึกษา
เพื่อค้นหาผู้เสพติดยาเสพติดในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. สอศ. กศน.
สช. และ กศน. เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556
ซึ่งพบว่ามีแนวโน้มผู้เสพเพิ่มขึ้น
โดยมีการนำผู้เสพผู้ติดยาเข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและบำบัดรักษาแล้ว
และมีการดำเนินโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข
และการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดชนิดใหม่ต่อไป เช่น ยาทรามาดอล
ที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ลูกโป่งบรรจุก๊าซไนตรัสออกไซด์
เป็นก๊าซที่สูดดมมากๆ จะทำให้สมองเสื่อม
● การประชุมปฏิบัติการ “รวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา” สู่การปฏิบัติ
ที่ประชุมรับทราบการจัดประชุมปฏิบัติ
การ “รวมพลังยกระดับคุณภาพการศึกษา” สู่การปฏิบัติ ในวันที่ 22
กันยายน 2556 ที่ศูนย์การประชุมวายุภักษ์
โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่
กรุงเทพฯ เพื่อนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อน 8 นโยบายของ
รมว.ศธ.สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อประกาศแนวทางการขับเคลื่อนประเด็นนโยบายของ รมว.ศธ.
เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นโยบายของ รมว.ศธ.เป็นวาระแห่งชาติ จัดโดย 5
องค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับของ ศธ.
โดยมีรูปแบบการประชุม ดังนี้
- พิธีเปิดการประชุมและมอบแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ โดย รมว.ศธ.
-
การนำเสนอแนวทางและกระบวนการขับเคลื่อน 8 นโยบาย
ศธ.โดยผู้บริหารองค์กรหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เป็นผู้ดำเนินการประชุม
-
การอภิปราย “การรวมพลังทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อน 8 นโยบายของ
ศธ.สู่การปฏิบัติ” โดยประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประธานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ตัวแทนสมาคมผู้ปกครอง ผู้ปกครอง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีรองปลัด ศธ.เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย
- การประชุมกลุ่มย่อยรับฟังความคิดเห็น 8 นโยบาย
- การแถลงข่าว
ที่มา : กระทรวงศึกษาธิการ
|