ศธ.แจงข่าวแท็บเล็ตเสียหายต้องมองภาพรวม
|
ศธ.แจงข่าวแท็บเล็ตเสียหายต้องมองภาพรวม ปัญหาที่เกิดไม่เลวร้ายเหมือนเรื่องที่เป็นข่าว เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ตรวจสอบโครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษา (OTPC) แล้วพบว่ามีเครื่องแท็บเล็ตนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่1ประจำปีการศึกษา2555เสียหาย30%หรือ2.59แสนเครื่อง จากทั้งหมด860,000เครื่อง อีกทั้ง ยับพบกรณีศูนย์ซ่อมแท็บเล็ต ในจ.สระบุรี ปิดศูนย์โดยไม่แจ้งให้โรงเรียนทราบล่วงหน้า และนำแท็บเล็ตนักเรียนที่ส่งซ่อมไปด้วยนั้นว่า จากการติดตามรายงานผลการตรวจ สตง.ที่ส่งมาให้นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ทราบว่า สตง.ได้ทำการสุ่มสำรวจและมีข้อเสนอแนะให้ ศธ.ว่า มี4เรื่องใหญ่ที่ควรเร่งดำเนินการแก้ไข คือ1.ปัญหาการจัดส่งเครื่องแท็บเล็ตล่าช้าไม่ครบถ้วน2.โรงเรียนไม่สามารถนำแท็บเล็ตมาใช้เพื่อการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ3.ปัญหาการรับประกันเครื่องแท็บเล็ต และ4.ปัญหาการควบคุมแท็บเล็ตหรือครุภัณฑ์ โดย สตง.ได้มีทำการสุ่มสำรวจจากลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียน80แห่ง12สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.)11จังหวัดซึ่งคิดเป็น0.2%ของโรงเรียนทั้งหมดกว่า3หมื่นโรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯยังกล่าวต่อไปอีกว่า กรณีที่มีปรากฎเป็นข่าวว่าพบความเสียหาย30%หรือ2.59แสนเครื่อง จากทั้งหมด860,000เครื่องนั้นไม่ใช่ เพราะความจริงแล้วข้อมูลดังกล่าว คือ30%ของเครื่องแท็บเล็ต จำนวน295เครื่อง จากประมาณ990เครื่องที่ สตง.ทำการสุ่มสำรวจใน80โรงเรียนเท่านั้น เพราะฉะนั้น ข้อมูลเสียหายดังกล่าวจะมาเทียบความเสียหายภาพรวมทั่วประเทศไม่ได้ ขณะเดียวกันกระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญากับบริษัทที่ขายเครื่องแท็บเล็ตในปีงบประมาณ2555ได้รายงานสรุปการซ่อมเครื่องแท็บเล็ตระหว่างเดือนสิงหาคม2555 –สิงหาคม2556พบเครื่องแท็บเล็ตเสียหายทั้งสิ้น5,344เครื่อง คิดเป็น0.62%จากทั้งหมด858,886เครื่อง ซึ่งแยกเป็นความเสียหายที่ฮาร์ดแวร์มากสุด3,571เครื่อง รองมาเป็นความเสียหายที่ซอฟแวร์1,773เครื่อง อย่างไรก็ดี ตามเงื่อนไขที่ได้ทำสัญญาไว้ในส่วนการซ่อมแซมที่อยู่ในประกัน2ปี หากเกินระยะเวลาการส่งซ่อม5วัน ทางบริษัทคู่สัญญาต้องส่งเครื่องแท็บเล็ตสำรองให้ผู้ใช้ได้ใช้ทดแทน เมื่อซ่อมเรียบร้อยแล้วจะส่งเอสเอ็มเอสให้โรงเรียนมารับภายใน3วัน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบปัญหาเรื่องการส่งเครื่องแท็บเล็ตซ่อมเลย ส่วนกรณีศูนย์ซ่อมที่จ.สระบุรีนั้น พบว่าจังหวัดดังกล่าวมีศูนย์ซ่อม2ศูนย์ ทั้งที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าสุขอนันต์ และห้างสรรพสินค้าทวีกิจ แต่ขณะนี้สาขาทวีกิจปิดทำการไปแล้ว แต่ลูกค้าของสาขาทวีกิจสามารถมารับเครื่องที่ส่งซ่อมได้ที่สาขาสุขอนันต์ได้ อย่างไรก็ดี จากการสอบถามบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด หรือบริษัทคู่สัญญา พบว่าบริษัทฯยังไม่ได้รับรายงานการปิดศูนย์ซ่อม มีเพียงการย้ายสถานที่ไปอยู่บริเวณใกล้เคียง จำนวน3ศูนย์เท่านั้น และบริษัท แอดไวซ์ โฮลดิงส์ กรุ๊ป จำกัด ที่เป็นศูนย์ซ่อมแท็บเล็ต จากบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคปฯ ถือว่ายังซ่อมได้ อีกทั้งในทีโออาร์ได้กำหนดให้ต้องมีศูนย์ซ่อมครบทั้ง77จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งแต่บริษัท แอดไวซ์ฯ มีศูนย์ซ่อมทั้งหมด114ศูนย์ถือว่าไม่ขัดกับเงื่อนไขที่ได้ทำสัญญาไว้กับกระทรวงไอซีที สุดท้าย นายจาตุรนต์ กล่าวสรุปว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเครื่องแท็บเล็ตเสียหายโดยรวมเท่าไรยังไม่มีการสำรวจโดยตรงครบถ้วน ซี่ง สพฐ.และเขตพื้นที่กำลังรวมข้อมูลแต่ยังไม่แล้วเสร็จเพราะมีการปิดภาคการศึกษา แต่เร็ว ๆ นี้จะได้ข้อมูลว่าที่มีการบันทึกเครื่องแท็บเล็ต เสีย ส่งซ่อม ไม่ส่งซ่อมทั้งประเทศเป็นจำนวนเท่าไร ขณะเดียวกัน ได้มอบให้ สพฐ.ไปประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาทางด้านเทคโนโลยี และคอมพิวเตอร์ ให้ร่วมกันทำการสุ่มสำรวจตรวจแท็บเล็ตโดยให้มีการสำรวจในวงกว้าง ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่เชื่อถือในข้อมูลของใครแต่เพื่อเป็นการดูความพร้อมและอาศัยความสามารถของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเข้าไปตรวจสอบ เพราะเวลานี้ยังไม่ทราบว่าเครื่องแท็บเล็ตที่เสียหายนั้นเสียหายเพราะอะไร ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายว่าให้ สพฐ.ดำเนินการสรุปบทเรียนของการจัดซื้อแท็บเล็ตในปีงบประมาณ2555-2556เพื่อเป็นแนวทางดำเนินการจัดซื้อในปีงบประมาณ2557ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันยืนยันว่าในปีงบประมาณ2557รัฐบาลจะซื้อเครื่องแท็บเล็ตแจกนักเรียนเช่นเดิมไม่ใช้วิธีการอื่น
ที่มา: http://www.naewna.com |
|
โพสเมื่อ :
10 ต.ค. 56
อ่าน 1822 ครั้ง คำค้นหา :
|
| |