ปรับโครงสร้าง สพฐ.ยังคงไม่ตกผลึก



หนุนตั้งหน่วยศึกษานิเทศก์ส่วนกลาง ปรับสำนักบริหารงานมัธยมฯปลาย

ดร.พะโยม ชิณวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ขณะนี้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ลงนามแต่งตั้งคณะทำงานทบทวนภารกิจและโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายใน สพฐ. โดยมีเลขาธิการ กพฐ.เป็นประธาน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนภารกิจและโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายใน สพฐ.ให้เป็นไปตาม พรฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และพิจารณากำหนดหน้าที่และขอบเขตความรับผิดชอบของสำนักภายใน สพฐ.ให้มีความสอดคล้องเหมาะสมกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และยุทธศาสตร์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาให้เกิดคุณภาพ ซึ่งเบื้องต้นจะปรับโครงสร้าง สพฐ.โดยยกสถานะสำนักบริหารงานการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย และหน่วยศึกษานิเทศก์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นภายในขึ้นเป็นหน่วยงานตามโครงสร้าง

รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า อย่างไร ก็ตามจากการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ได้มีการหารือเรื่องการทบทวนภารกิจและโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายใน สพฐ. เดิมมีสำนักตามโครงสร้าง 12 สำนัก แต่มีการแยกตามภารกิจความจำเป็นในแต่ละช่วงจนมีถึง 22 หน่วยงาน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่ามีมากเกินไปสมควรที่จะควบรวมหน่วยงานให้น้อยลง เพื่อให้งานเกิดประสิทธิภาพและส่งผลไปยังภูมิภาคมากขึ้น ทั้งนี้เบื้องต้นที่ประชุมเห็นว่า 12 สำนักตามโครงสร้าง สพฐ.เดิมจะยังคงอยู่ แต่ที่จะเพิ่มสำนักบริหารงานการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย และหน่วยศึกษานิเทศก์นั้น ที่ประชุมเห็นด้วยกับการมีหน่วยศึกษานิเทศก์ในส่วนกลาง ขณะที่สำนักบริหารงานการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายควรจะตั้งเป็นสำนักส่งเสริมคุณภาพการศึกษาเพื่อดูแลโรงเรียนได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ระดับประถมและมัธยมน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า

นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดที่จะหลอมรวมหน่วยงานที่เกี่ยวกับกิจการนักเรียน ตั้งเป็นสำนักกิจการนักเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาครูตั้งเป็นสำนักพัฒนาครูด้วย

“การปรับโครงสร้าง สพฐ.ยังไม่ใช่ข้อสรุป เป็นเพียงแนวคิดของที่ประชุมผู้บริหาร สพฐ. ซึ่งจะนำแนวคิดดังกล่าวเสนอต่อคณะทำงานทบทวนภารกิจและโครงสร้างฯ ที่มีเลขาธิการ กพฐ.เป็นประธาน เพื่อหาข้อสรุปก่อนเสนอ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอความเห็นชอบต่อไป” ดร.พะโยมกล่าว.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 06 ต.ค. 59   อ่าน 1380 ครั้ง      คำค้นหา :