![]() |
คนส่วนใหญ่เห็นด้วยตัดคะแนนความประพฤติ-พักการเรียนรุ่นพี่ รับน้องรุนแรง ชี้สถาบันการศึกษา ควรรับผิดชอบ พบ 67.57% หนุนให้มีประเพณีรับน้องต่อไป เพราะสร้างความสามัคคี... เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,264 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “ประเพณีการรับน้อง” ควรมีต่อไปหรือไม่ เมื่อถามถึงผลดีหรือผลเสียของ “ประเพณีการรับน้อง” ต่อนิสิต/นักศึกษา/สถาบันการศึกษา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.29 ระบุว่า มีผลเสียมากกว่าผลดี รองลงมา ร้อยละ 45.17 ระบุว่า มีผลดีมากกว่าผลเสีย และร้อยละ 5.54 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ทั้งนี้ผู้ที่ระบุว่า มีผลเสียมากกว่าผลดี ได้ให้เหตุผลส่วนใหญ่ พบว่า ร้อยละ 92.13 ระบุว่า การใช้ความรุนแรงก่อให้เกิดการสูญเสียและสร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบัน รองลงมา ร้อยละ 30.18 ระบุว่า การใช้อารมณ์ในการด่าทอ ก่อให้เกิดความก้าวร้าวขึ้นในหมู่คณะ และร้อยละ 22.63 ระบุว่า ส่งผลกระทบต่อการเรียนของนิสิต/นักศึกษา ส่วนผู้ที่ระบุว่า มีผลดีมากกว่าผลเสีย ได้ให้เหตุผลส่วนใหญ่ พบว่า ร้อยละ 90.37 ระบุว่า เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องเพื่อสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่คณะ รองลงมา ร้อยละ 30.12 ระบุว่า เป็นการฝึกให้มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองและการตรงต่อเวลากล้าแสดงออกมากขึ้น และร้อยละ 27.15 ระบุว่า เป็นการฝึกการมีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ด้านระดับความรุนแรงของ “ประเพณีการรับน้อง” ในปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 18.91 ระบุว่า มีการใช้ความรุนแรงมากที่สุด ร้อยละ 54.35 ระบุว่า มีการใช้ความรุนแรงมาก ร้อยละ 21.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีการใช้ความรุนแรง ร้อยละ 1.66 ระบุว่า ไม่มีการใช้ความรุนแรงเลย และร้อยละ 3.56 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ โดยผู้ที่ระบุว่า มีการใช้ความรุนแรงมาก–มากที่สุด ได้ให้เหตุผลว่า มีข่าวออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ขาดการควบคุมดูแลจากสถาบัน ส่วนผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยมีการใช้ความรุนแรง–ไม่มีการใช้ความรุนแรงเลย ให้เหตุผลว่า ทางสถาบันมีการควบคุม ดูแล และป้องกันการรับน้องที่รุนแรง เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทลงโทษสำหรับรุ่นพี่ที่กระทำความรุนแรงในการรับน้อง โดยการตัดคะแนนความประพฤติ/พักการเรียน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.69 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ บทลงโทษไม่รุนแรงเกินไป เหมาะสมกับความผิด รองลงมา ร้อยละ 20.81 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะบทลงโทษมีความรุนแรงน้อยเกินไป ควรมีการลงโทษตามกฎหมาย ขณะที่บางส่วนระบุว่า บทลงโทษรุนแรงไป ควรมีการตักเตือนก่อน แต่ก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป และร้อยละ 1.50 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ สำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความรับผิดชอบของสถาบันการศึกษา ในกรณีที่มีการใช้ความรุนแรงในประเพณีการรับน้อง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 93.28 ระบุว่า ควรต้องรับผิดชอบ เพราะสถาบันการศึกษาเป็นผู้ดูแล รับผิดชอบ นิสิต นักศึกษา ภายในสถาบันทั้งหมด รองลงมา ร้อยละ 5.30 ระบุว่า ไม่ควรต้องรับผิดชอบ เพราะ เป็นเรื่องที่เกิดจากตัวบุคคลไม่เกี่ยวกับสถาบัน และร้อยละ 1.42 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ส่วนข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ “ประเพณีการรับน้อง” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.31 ระบุว่า จัดกิจกรรมรับน้องที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ต่อตัวรุ่นน้องและสังคม รองลงมา ร้อยละ 33.78 ระบุว่า ให้สถาบันการศึกษาออกมาตรการป้องกันการรับน้องที่ชัดเจน ร้อยละ 26.03 ระบุว่า มีการรับน้องแบบโปร่งใสโดยให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ร้อยละ 19.38 ระบุว่า กำหนดรูปแบบการรับน้องให้เป็นรูปแบบเดียวกันทุกสถาบันการศึกษา ร้อยละ 12.97 ระบุว่า ออกบทลงโทษขั้นรุนแรงโดยใช้กฎหมายนอกสถาบันการศึกษา ร้อยละ 2.85 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ให้จัดกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย โดยมีอาจารย์เป็นผู้ควบคุมการทำกิจกรรม ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่ต้องการให้มีประเพณีการรับน้องอีกต่อไป และร้อยละ 3.24 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึง “ประเพณีการรับน้อง” ควรมีต่อไปหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.57 ระบุว่า ควรมี “ประเพณีการรับน้อง” ต่อไป เพราะเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ สร้างความสามัคคี ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง บางส่วนระบุว่า ควรเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อสังคม และผู้ปกครองสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมได้ รองลงมา ร้อยละ 30.14 ระบุว่า ควรยกเลิก “ประเพณีการรับน้อง” เพราะไม่มีความสำคัญ ไม่มีประโยชน์ ต่อการศึกษา ยังมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์กว่าการรับน้องที่สามารถเข้าร่วมได้ และเพื่อลดการเกิดปัญหาความรุนแรง และร้อยละ 2.29 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ. ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ |
โพสเมื่อ : 31 ก.ค. 61 อ่าน 2050 ครั้ง คำค้นหา : |