ปลดล็อกผู้บริหาร ร.ร

เลาะเลียบคลองผดุงฯ
ตุลย์ ณ ราชดำเนิน [email protected]

มีการชงปลดล็อกคุณสมบัติผู้บริหารสถานศึกษา จากศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เปิดช่องให้ผู้จบการศึกษาสาขาอื่นนั่งเก้าอี้ผอ.โรงเรียนได้ โดยไม่ต้องจบสาขาบริหารการศึกษาเท่านั้น ยกอ้าง ระบุไม่มีงานวิจัยระบุว่าคนจบสาขาบริหารการศึกษาจะบริหารงานได้ดีกว่าคนจบสาขาอื่น

น่าจะจับความมาจากการที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ.ให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา ในสังกัด สพฐ.ใหม่ มากกว่าจะคิดไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะต้องไปแก้กฎหมายและข้องเกี่ยวกับคนในวิชาชีพอีกมากมาย คงไม่เป็นเรื่องสนุกนักกับการคิดจะปลดล็อก

แต่ก็เป็นประเด็นที่น่าคิดเป็นการบ้านต่อไป ที่ทั้งคุรุสภา สำนักงาน ก.ค.ศ. ,สพฐ. และอุดมศึกษาที่ผลิตครู จะต้องมาร่วมกันถกให้ตกผลึกรอบด้าน มากกว่าเป็นไปตามความรู้สึกของคนใดคนหนึ่งที่มีอำนาจ

หากไม่มีหลักไว้ให้ยึด วันดีคืนดี หากวันใดที่ได้คนผู้นำที่มีอำนาจใช้อำนาจในทางเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง หรือพวกมากลากกันไป ดังตัวอย่างในยุคที่มี อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ให้เป็นบทเรียนกันมิใช่น้อย

อย่างไรก็ตาม เคยมีอดีต รมว.ศธ.ก่อนหน้านี้ ตั้งข้อสังเกตว่าการที่คุรุสภากำหนดคุณสมบัติผู้บริหารขั้นต่ำปริญญาโททางการบริหารการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรองนั้น เป็นระดับการศึกษาที่สูงเกินไป และสถานศึกษาบางแห่งอาจยังไม่มีความพร้อม โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนเอกชน

เรื่องนี้ ทางคุรุสภาก็ได้อนุมัติร่างข้อบังคับฯ ให้ผู้บริหารมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าระดับป.ตรี เหมือนในข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2548 ฉบับเดิม ไปเรียบร้อยแล้ว

และกำกับด้วยระเบียบของ ศธ.กำหนดให้ผู้บริหารสถานศึกษา ต้องได้รับการอบรมในโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้บริหารในแง่มุมวิชาการ และให้ความสนใจเรื่องของคุณภาพการศึกษามากขึ้น ก่อนเข้ารับตำแหน่งอยู่แล้ว เชื่อว่าผู้บริหารทุกคนจะได้รับการปรับปรุงและพัฒนาศักยภาพกันต่อไป

ทุกวันนี้การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ผู้บริหารสถานศึกษา ป.ตรีก็ได้เกือบทุกวิชาเอกอยู่แล้ว ส่วน ป.โท บริหารการศึกษาก็เป็นแค่ไม้ประดับ งานวิจัยที่ได้ก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้ ควรปรับปรุงวิธีการคัดเลือก การสรรหาได้มาซึ่งผู้บริหารที่มีคุณภาพจริง และ 4 ปี ควรย้ายจริงๆ มิดีกว่าหรือ

ขอบคุณที่มาจากข่าวสดออนไลน์ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559