"นายกฯ" มอบนโยบายส่วนราชการ ห้ามมีงบเหลือ ป้องกันทุจริต นักเรียนตีกันสั่งปิดโรงเรียน!

วันที่ 17 กันยายน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูง เรื่องการดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ได้แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ว่า จะเน้น ยุทธศาสตร์การพัฒนาตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ยุทธศาสตร์ความมั่นคง ยุทธศาสตร์การสร้างความปรองดอง และปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการดำเนินการจะต้องบูรณาการแต่ละกระทรวงเข้าหากัน เพื่อให้งานเดินหน้าได้อย่างรอบด้าน โดยย้ำว่า งานของรัฐบาลนอกจากการบริหารประเทศยังต้องเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้คนในชาติ

ส่วนการทุจริตคอรัปชั่น ต้องดูแลตรวจสอบอย่างเข้มงวด รายละเอียดต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การขาดความสามัคคีของคนในชาติ มีหลายสาเหตุ เช่น ความยากจน เศรษฐกิจ ความเห็นที่ขัดแย้ง ซึ่งต้องมีการแก้ปัญหา และต้องพูดคุยกับประชาชนถึงความต้องการที่แท้จริง เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด สิ่งที่สำคัญคือการสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ข้าราชการต้องลงพื้นที่ พบปะประชาชน และทุกกระทรวงต้องมีศูนย์ประสานงานร่วมกันเพื่อทำงานร่วมกัน

ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี ต้องอยู่ภายใต้แนวคิดการปรับโครงสร้าง เพื่อพัฒนาให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ใช่การปรับลด เพราะประชาชนยากจน ไม่มีเงินเสียภาษี

ส่วนประกาศกฎอัยการศึก ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ต่างชาติกลัว แต่เป็นปัญหาความปลอดภัยการท่องเที่ยว ซึ่งต้องช่วยกันดูแล ส่วนเรื่องปัญหาทางทะเลาะวิวาท หากพบมีการตีกันทะเลาะกัน จะสั่งการดำเนินคดี และสั่งปิดโรงเรียนจนกว่าจะสอบสวนเสร็จ

ส่วนเรื่องกฏหมายที่ซ้ำซ้อนกันจะต้องลงไปแก้ไข เช่น กฏหมายคุ้มครองผู้เช่าที่ดินทำกิน ที่ซ้ำซ้อนกับผู้ให้เช่า ทำให้ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าไม่สามารถตกลงเช่าพื้นที่กันได้

สำหรับการทำงานของแต่ละกระทรวง ห้ามมีงบเหลือ และจะต้องแจ้งผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทุก3เดือน เพื่อแก้ปัญหาการทำงานที่ไม่ประสบความสำเร็จ ป้องกันการทุจริต เช่นการก่อสร้างต่างๆ ที่ผ่านมาเมื่อไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้จะโยกแผนไปดำเนินการในปีงบประมาณ ถัดไป และขอเพิ่มงบประมาณโดยอ้างว่าราคาการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้น หากกระทรวงใดทำงานตามแผนงานไม่ได้ ให้ยกเลิกแผนดังกล่าวทันทีไม่ให้โยกย้ายไปปีถัดไป เพราะทุกกระทรวงจะต้องไม่สร้างภาระหนี้ให้กับประเทศ

ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557