ครูแนะแนวมืออาชีพ




      
ครูแนะแนวมืออาชีพ



          มนุษย์มีศักดิ์ศรี  มีศักยภาพ เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า คนเราจะมีความสุขก็ต่อเมื่อมีโอกาสได้ใช้ ความรู้ความสามารถสติปัญญาอย่างเต็มที่ หากได้รับการแนะแนวที่ถูกต้อง จะสามารถช่วยตนเองให้พัฒนาเจริญงอกงามถึงขีดสุด ตลอดจนสามารถดำเนินชีวิตเป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม นี่คือปรัชญาส่วนหนึ่งของการแนะแนวที่เห็นว่าการให้คำปรึกษาเป็นหัวใจสำคัญของการแนะแนว
          การปฏิรูประบบแนะแนว: ประสบการณ์จากต่างประเทศ หัวข้อสำคัญที่สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดประชุมเสวนาวิชาการนานาชาติด้านการศึกษา ครั้งที่ 6 โดยได้รับเกียรติจาก ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รองประธานคณะกรรมการ สสค.คนที่ 2 เป็นประธาน และได้เชิญ ซาโตโกะ ยาโนะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ยูเนสโก ประเทศไทย ซึ่งได้นำประสบการณ์จากการศึกษาระบบแนะแนวของประเทศต่างๆ พบว่า ประสบปัญหาเหมือนๆ กัน ในเรื่องคุณภาพของครูแนะแนวที่ไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ และก้าวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตลาดแรงงาน
          อีกทั้ง ครูแนะแนวยังถูกแยกการทำงานอย่างโดดเดี่ยว ขาดการประสานงานกับครูวิชาอื่นๆ และไม่สนองตอบกับปริมาณความต้องการเฉพาะของเด็กนักเรียนที่มีความแตกต่างกันมาก เนื่องจากครูแนะแนวมีปริมาณไม่เพียงพอ อีกทั้งระบบแนะแนวกับระบบการจัดหางานโดยภาครัฐ สถานประกอบการ นายจ้าง ไม่เชื่อมประสานกัน ดังนั้น มาตรการในการแก้ไขการแนะแนวการศึกษาเพื่ออาชีพ จึงต้องใช้ 5 ปัจจัย คือ 1.การมีกฎระเบียบรองรับ โดยเป็นหน้าที่ของโรงเรียนที่จะเตรียมความพร้อมและจัดการแนะแนวด้านอาชีพ 2.กำหนดนโยบายการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ 3.การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้อย่างเหมาะสม 4.การบริหารและจัดการข้อมูลเป็นระบบ และ 5.การมีหน่วยงาน รับผิดชอบ โดยพ่อแม่ ผู้ปกครองต้องเข้ามามีส่วนร่วม
          จากข้อมูลปี 1999-2008 มีจำนวนประชากรวัยแรงงานประมาณ 600 ล้านคน มีข้อค้นพบน่าสนใจคือค่าการผลิตมวลรวม ของโลก (Global GDP) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 47 แต่อัตราการว่างงานกลับลดลงเพียงร้อยละ 0.7 (จากร้อยละ 6.4 เป็นร้อยละ 5.7) สะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ตกงานของแรงงานรุ่นใหม่ เนื่องจากคุณสมบัติหรือทักษะอาจไม่ตรง ตามความต้องการของตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเทคโนโลยี เทรนด์ตลาด แนวโน้มประชากรโลก และความตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรและสภาพแวดล้อม ส่งผลให้ ผู้เรียนที่กำลังจะจบไปเป็นแรงงานนั้น ขาดผู้ แนะแนวอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับการเลือกอาชีพในอนาคต ซึ่งพนักงานบริษัทก็ควรได้รับการอบรมที่เหมาะสมกับงานที่อาจจะเปลี่ยนไป เช่นเดียวกันระดับผู้บริหารนโยบายก็จะได้ลดการสร้างงาน หรือผลิตแรงงานที่ไม่ตรงกับความต้องการ ซาโตโกะ กล่าว
          ข้อมูลสอดคล้องกับวิภา เกตุเทพา ครูแนะแนวโรงเรียนสตรีวิทยา 2 และในฐานะประธานครูแนะแนวกรุงเทพมหานคร สมาคมแนะแนวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ครูแนะแนวในประเทศไทยที่กำลังขาดแคลน ทั้งเชิงปริมาณ และคุณภาพ  โดยพบ 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการขาดครูแนะแนว คือ 1.ความเชื่อผิดๆ ที่คิดว่าครูทุกคน คือครูแนะแนว 2.การไม่ให้ความสำคัญต่อการบรรจุครูแนะแนว ที่มีคุณวุฒิโดยตรง แต่ไปให้ความสำคัญกับการบรรจุครูสาขาอื่นๆ 3.ไม่มีมาตรฐานการกำหนดสัดส่วนครูแนะแนวต่อนักเรียน 4.สถาบันผลิตครู เลิกผลิตครูแนะแนวหรือผลิตน้อยลง เพราะไม่มีงานรองรับ และ 5. การแก้ปัญหาโดยการ ให้เรียนวิชาเอกจิตวิทยาการแนะแนวคู่กับวิชาอื่น ทำให้ความเข้มข้นน้อยลง
          ครูแนะแนวมืออาชีพที่จะทำให้เด็กสามารถดำรงชีวิตและอยู่ในโลกของงาน จะต้องเป็นครูที่ให้เด็กรู้จัก เข้าใจ รักและ เห็นคุณค่าในตนเอง สามารถวางแผนการศึกษาด้านอาชีพและสังคมได้ อีกทั้งทำให้เด็ก ปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม และมีความสุข ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ครูแนะแนวต้องดำเนินการตาม 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.การจัดบริการแนะแนว (Guidance Service ) 2.การจัดกิจกรรมแนะแนว (Guidance Activities) และ 3.การประสานเครือข่ายต่างๆ (Coordination) ฉะนั้นครูทุกคนจึงเป็นครูแนะแนวไม่ได้ แต่ครูทุกคนทำหน้าที่ เป็นผู้แนะแนวเด็กได้ โดยครูแนะแนว มืออาชีพต้องทำงานเชิงรุก ไม่ใช่ตั้งรับในห้องเรียน เพราะประเทศไทยไม่มีบรรยากาศที่เด็กเดินเข้ามาหาครูแนะแนว ครูจึงจำเป็นต้องจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต ในการเลือกการตัดสินใจ
          ในเวลาเดียวกันก็ต้องมีการประสานเพื่อนครู ผู้ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำงานร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันในกรุงเทพมีจำนวนครูแนะแนวเพียง 200 กว่าคนเท่านั้น หากครูรุ่นนี้ เกษียณแล้วในภาวะที่ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ผู้เรียนจะเป็นอย่างไร ดังนั้น ด้วยความจำเป็นเร่งด่วน จึงขอเสนอแนวคิดในการปฏิรูปการบริหารจัดการแนะแนว ทางออกของปัญหา คือ 1.การกำหนดให้มีหน่วยงานแนะแนวในทุกโรงเรียน 2.กำหนดเกณฑ์สัดส่วนครูแนะแนวต่อนักเรียน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1:500 คน 3.กำหนดมาตรฐานการแนะแนว ด้านคุณภาพผู้เรียน ด้านคุณภาพการดำเนินงานแนะแนว และด้านคุณภาพการบริหารจัดการการแนะแนว 4.เร่งพัฒนาคุณภาพครูแนะแนวที่มีอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันในกรุงเทพมีจำนวนครูแนะแนวประมาณ 200 คนเท่านั้น 5.ประสานสถาบันอุดมศึกษาในการผลิต ครูแนะแนวใหม่ที่มีคุณภาพ และ6.เร่งพัฒนาเครื่องมือมาตรฐาน สื่อ นวัตกรรมทางการแนะแนวที่ทันสมัยวิภา กล่าว ด้านดร.วัฒนาพร ระงับทุกข์ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  กล่าวว่า การแก้ปัญหาครูแนะแนวสามารถปฏิรูปเปลี่ยนแปลงได้ โดยดูบริบทสภาพปัญหา ซึ่งยอมรับว่าครูแนะแนวไม่เพียงพอ และการที่หลายคนบอกว่าครูที่ปรึกษา ทุกคนคือครูแนะแนว จึงต้องทำความเข้าใจกับครูที่ปรึกษาในการทำหน้าที่นี้ด้วย และการมีระบบของพี่เลี้ยงหรือครูที่ปรึกษา โดยการเสริมให้ครูที่ปรึกษามีความรู้ด้านจิตวิทยามากขึ้นในการแนะแนวเด็ก นอกจากนี้โรงเรียนและครูสามารถบูรณาการการสอนในรายวิชาต่างๆ ได้อยู่ที่การออกแบบกระบวนการเรียนการสอน พร้อมทั้งบูรณาการอาชีพ ทัศนคติ ลงไปให้กับนักเรียนทุกคน ซึ่งจำเป็นต้องมีหน่วยงานแนะแนวในโรงเรียน เพราะการจะหาครูที่จบแนะแนวโดยตรงในทุกโรงเรียนคงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น สถาบันผลิตครูจะต้องผลิตครูสายแนะแนวออกมาสอน ซึ่งต้องเซ็ต ระบบให้ชัดเจนทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ ก็กำลังอยู่ระหว่างการปรับหลักสูตรใหม่อยู่ ซึ่ง ศธ.ต้องการแต่ไม่มีใครเสนอขึ้นไป
          รวิศุทธ์ คณิตกุลเศรษฐ์ นักเรียนชั้น ม. 6 โรงเรียนสตรีวิทยา 2 จากเครือข่ายยุวทัศน์ กล่าวว่า เคยมีคำถามว่าครูแนะแนวคืออะไร แต่เมื่อมีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์วิภา จึงรู้ว่า ครูแนะแนวมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลานี้ที่ประเทศกำลังก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เราเรียนภาษาอังกฤษเพื่อรับ AEC เมื่อคิดเล่นๆ ถ้าให้ครูคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มาเรียนวิชาแนะแนว เพื่อปรับทัศนคติความเข้าใจของครูผู้สอนในการพูดคุยกับเด็กให้ มากขึ้น เพราะครูไม่สามารถเข้าถึงเด็กที่มีปัญหาในห้องเรียน ปัญหาครอบครัว ดังนั้น ครูที่เหมาะสมเป็นที่พึ่งให้คำแนะนำได้คือครูแนะแนว ซึ่งตนเองมีโอกาสให้คำแนะนำน้องๆ ม.3 จำนวน 800 กว่าคน
          โดยนำคำพูดอาจารย์วิภาไปแนะนำว่าเกรดไม่ต้องสนใจ แต่ต้องรู้ว่าตนเองชอบอะไร อยากทำ อยากเป็น ความฝัน คืออะไร เพื่อจะได้คว้าโอกาสนั้นมาให้ได้เป็นการปูพรมเพื่อก้าวสู่ความฝันนั้น ดังนั้นครูแนะแนวยังมีความสำคัญและจำเป็นทั้งในและ นอกห้องเรียน

      -

         


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


โพสเมื่อ : 16 ม.ค. 57   อ่าน 1716 ครั้ง      คำค้นหา :