"บิ๊กหนุ่ย"สยบข่าวลือ!! ศธ.บังคับ"ป.2"ขึ้นไปเรียนศาสนา"อิสลาม" รอง ผอ.พศ.เชื่อเป็นไปได้ยาก



นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า กรณีมีผู้แชร์ข้อความจากเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ ดร.แสวง นิลนามะ หัวหน้าภาควิชาศาสนาและปรัชญา คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) โดยข้อความระบุถึงแวดวงการศึกษาไทยนับจากนี้เป็นต้นไป เด็กไทยตั้งแต่ชั้น ป.2 ต้องถูกบังคับให้เรียนศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ต้องมีนักวิชาการอิสลามแห่งละ 1 อัตรา ทุกอำเภอต้องมีสุเหร่ามีมัสยิด และทุกจังหวัดต้องมีมัสยิดกลาง และเป็นที่มาของการออกหนังสือระงับการเบิกจ่ายงบประมาณอุดหนุนพระพุทธศาสนาผ่าน อบจ.และ อบต.ว่า ในฐานะอนุกรรมการของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พยายามผลักดันหลักสูตรการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ยังหาช่องทางยาก จึงไม่เชื่อว่าจะมีการนำหลักสูตรของศาสนาหนึ่งไปให้อีกศาสนาหนึ่งเรียน อาจเป็นข้อความที่แชร์กันเพื่อสร้างกระแสมากกว่า เพราะทุกศาสนาต่างเรียนวิชาที่เกี่ยวกับศาสนาของตนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องหลักสูตรอิสลามศึกษา ต้องไปถามกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่ามีจริงหรือไม่

นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ทราบเรื่องแล้ว พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.กำชับให้ทำความเข้าใจกับสังคม ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวลือ เป็นเรื่องไม่จริง หวังสร้างความแตกแยกให้กับสังคม ทั้งนี้ การเรียนการสอนหลักสูตรอิสลามศึกษา จะเรียนเฉพาะเด็กที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดภาคใต้ ในโรงเรียนปอเนาะ หรือโรงเรียนตาดีกา ส่วนเด็กที่นับถือศาสนาพุทธยังคงเรียนวิชาพระพุทธศาสนาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ไม่มีการบังคับให้เรียนเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามแน่นอน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้โรงเรียนต่างๆ รู้ดีอยู่แล้ว แต่คิดว่าเป็นความตั้งใจของคนที่ต้องการสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม จึงอยากให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลหยุดแชร์ข้อความดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความเสียหายมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดนายแสวง นิลนามะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Sawaeng nilnama เนื้อหาว่า “ตามที่ได้ปรากฏเฟซบุ๊กชื่อ ดร.แสวง นิลนามะ มีใบหน้า ชื่อ นามสกุล ผมในเฟซบุ๊ก พร้อมปรากฏข้อความในเชิงตั้งข้อสังเกตพาดพิงหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อพี่น้องต่างศาสนา ซึ่งผมให้ความเคารพให้เกียรติเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วนั้น เนื่องจากมีผู้ไม่หวังดีซึ่งหวังผลประโยชน์เฉพาะตน และเฉพาะกลุ่ม ได้ฉกฉวยโอกาสในลักษณะนำไปขยายผล ตั้งเพจต่อต้านรัฐบาล และเบื้องบน ดังนั้น ผมขอยืนยันว่าเฟซบุ๊กดังกล่าวถูกแฮกข้อมูล และดัดแปลงต่อเติม นำไปใช้โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อกระผม ต่อรัฐบาล และเบื้องบน ผมจึงขอแจ้งให้งดส่งงดแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จ หากตรวจสอบพบ และทราบว่าท่านใดแชร์ หรือส่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ผมในฐานะผู้เสียหายจะดำเนินแจ้งความเพื่อเอาผิดทางกฎหมาย”

 

ที่มามติชนออนไลน์ วันที่ 12 พ.ค. 59 เวลา 12:15 น.


โพสเมื่อ : 13 พ.ค. 59   อ่าน 1578 ครั้ง      คำค้นหา :