คลังระบุนายกฯ สั่งดูแลปากท้องก่อนขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ส่อยืดเวลาไม่ทันรอบ 1 ต.ค.



นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขั้นตอนการปรับขึ้นเงินเดือนราชการได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาและหารือถึงรายละเอียดหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องบริหารประชาชนทั้งประเทศ ไม่ได้ดูแค่ข้าราชการอย่างเดียว โดยเฉพาะขณะนี้มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับชาวบ้านที่เป็นเรื่องราคาพืชผลเกษตรตก ต่ำ ทำให้รัฐบาลจะเข้าดูเรื่องดังกล่าวที่เป็นปัญหาเร่งด่วนก่อน

ทั้งนี้ การปรับขึ้นเงินเดือนราชการ หากไม่ทัน 1 ต.ค.นี้ จะดำเนินการจัดสรรเงินเดือนข้าราชการย้อนหลังหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับเหตุผลและงบประมาณที่ต้องพิจารณาอีกครั้ง โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่ยังไม่ได้นัดมาหารือกับกระทรวงการคลังในเรื่องดังกล่าว หากพิจารณาเป็นที่เรียบร้อย ก็จะเสนอให้ ครม. พิจารณาทันที

“คงไม่สามารถตอบได้ว่าการปรับขึ้นเงินเดือนราชการจะไม่ทัน 1 ต.ค.นี้ เพราะต้องใช้เวลาพิจารณาและดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ได้ข้อสรุปก่อนเสนอ ครม. โดยขณะนี้ นโยบายของรัฐบาล คือพยายามจัดสรรงบประมาณ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจก่อน ซึ่งการปรับเงินเดือนข้าราชการนั้น รัฐบาลไม่ได้ละเลย แต่จะดูเรื่องปัญหาปากท้องชาวบ้านและราคาพืชผลเกษตรตกต่ำที่นายกรัฐมนตรีมอบ หมายนโยบายมาให้ดำเนินการก่อน”นายรังสรรค์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ พิจารณาในส่วนงบประมาณที่เข้าไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เบื้องต้นจะใช้งบประมาณเก่าวงเงินประมาณ 250,000 ล้านบาท ทั้งงบประมาณของปี 2557 ยังเป็นงบประมาณค้างทอของหน่วยราชการต่าง ๆ วงเงิน 200,000 ล้านบาท หากหน่วยงานเดิมไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน ก็จะนำเงินไปให้กับหน่วยงานที่มีความพร้อมมากกว่า และงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็งที่เบิกจ่ายไม่ทันในช่วงก่อนหน้า วงเงิน 15,000 ล้านบาท




นอกจากนี้ ยังมีเงินก่อนปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 30,000-40,000 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ และการจัดซื้อจัดจ้างที่ภาครัฐได้ราคาต่ำกว่าราคากลางประมาณหลักหลายพันล้าน บาท เพื่อใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในโครงการที่มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ก็เดิน หน้าได้ทันที ส่วนจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.วันที่ 30 ต.ค.หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พิจารณา

สำหรับ มาตรการของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เน้นให้เกิดการจ้างงาน และรายได้ในพื้นที่ทั่วประเทศให้มากที่สุด เช่น โครงการซ่อมหน่วยงานราชการทั่วประเทศ ขุดลอกคูคลอง ซ่อมพื้นถนน เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การลงทุนฟื้นตัว และการใช้จ่ายระดับฐานรากขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557


โพสเมื่อ : 29 ก.ย. 57   อ่าน 1640 ครั้ง      คำค้นหา :