สพฐ.ลงนามล้มสัญญา 'เสิ่นเจิ้น' ริบประกัน 120 ล้าน สพฐ.ลงนามหนังสือยกเลิกสัญญาจัดซื้อแทบเล็ตกับบริษัท เสิ่นเจิ้นแล้ว พร้อมแจ้งธนาคารริบเงินประกัน 120 ล้านบาท เผยในสัปดาห์นี้เดินหน้าประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอีออคชั่น โซน 1-2 ด้าน จาตุรนต์ ชี้การเพิ่มเพดานค่าเทอมโรงเรียนเอกชน ต้องรอรัฐบาลใหม่ ระบุหากส่งเสริมสนับสนุนให้เอกชนจัดการศึกษาเพิ่มถึง 70% รัฐจะใช้งบลดลง กรณีที่ คณะกรรมการบริหารโครงการ1 คอมพิวเตอร์พกพา (แทบเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน มีมติให้ยกเลิกสัญญากับ บริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจนท์ คอนโทรล จำกัด ซึ่งชนะการประมูลแทบเล็ตระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ในโซน 1 และ (ภาคกลางและภาคใต้) และโซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และให้ไปดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีออคชั่น ทั้ง 2 โซนใหม่โดยใช้สเปคและร่างขอบเขตงาน หรือ ทีโออาร์เดิมนั้น นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ลงนามในหนังสือยกเลิกสัญญาการจัดซื้อคอมพิวเตอร์อย่างเป็นทางการ ถึงบริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจนท์ คอนโทรล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลในโซนที่ 1 และ 2 แล้ว พร้อมทั้งได้ทำหนังสือถึงธนาคารเพื่อแจ้งขอริบเงินประกัน 120 ล้านบาท และภายในสัปดาห์นี้จะเดินหน้าการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อีออคชั่น) รวมทั้งในโซนที่ 3 ที่ได้ทำหนังสือแจ้งบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อให้รับทราบมติที่ประชุมบอร์ดบริหารแทบเล็ต ที่ให้ยกเลิกคำสั่งยกเลิกการประมูล และให้บริษัทสุพรีมฯ มาทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างและเดินหน้าตามขั้นตอนต่อไป ด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า โดยหลักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขทีโออาร์แน่นอน ยกเว้นกรณีที่พบว่าอุปกรณ์ชิ้นใดยกเลิกการผลิต หรือล้าสมัย ที่ประชุมได้ให้ความเห็นว่าหากจำเป็นก็แก้ไขเฉพาะจุดแต่ไม่ใช่แก้ไขทั้งทีโออาร์ พร้อมทั้งให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สรุปบทเรียนการดำเนินการที่ผ่านมาและให้วางแนวทางการตรวจสอบที่เข้มข้น เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทที่จะเข้าประมูลใหม่มีขีดความสามารถทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ตามลำดับ แต่สุดท้ายก็เกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม การประกาศอีออคชั่นใหม่โซน 1 และ โซน 2 นั้น ทาง สพฐ.ขอเวลาดำเนินการ 1-2 สัปดาห์ โดยได้กำหนดปฏิทินดำเนินการคร่าวๆ ว่า จะสามารถส่งมอบแทบเล็ต ปีการศึกษา 2556 ได้ในเดือนมิ.ย. 2557 นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มอบให้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ไปศึกษาความเป็นไปได้การปรับเพิ่มเพดานค่าเล่าเรียนของโรงเรียนเอกชน เนื่องจากโรงเรียนเอกชนไม่ได้มีการปรับเพดานค่าเล่าเรียนมาประมาณ 10 ปีแล้ว ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเงินอุดหนุนรายหัวโรงเรียนเอกชน และเพดานค่าธรรมเนียมการศึกษาควรจะมีความพอดี หากไปล็อกเอาไว้จะทำให้โรงเรียนเอกชนไม่สามารถปรับเพิ่มค่าเล่าเรียนได้ ในขณะที่เงินอุดหนุนรายหัวที่รัฐจัดสรรให้ ก็ได้รับในอัตราที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น จะกลายเป็นว่าไม่ส่งเสริมการศึกษาเอกชน ทั้งนี้ หากมีการส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนจัดการศึกษาได้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน จะทำให้ค่าใช้จ่ายของรัฐลดน้อยลงอย่างมาก ดังนั้น หากมีการเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวให้กับโรงเรียนเอกชน และเปิดโอกาสให้เก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมการศึกษาได้เพิ่มขึ้นในกรณีที่เป็นไปได้และไม่สร้างความเดือดร้อนแก่นักเรียนและผู้ปกครอง หากมีการเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวให้โรงเรียนเอกชนมากขึ้น และโรงเรียนเก็บค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมได้มากขึ้น ในกรณีที่ผู้ปกครองมีศักยภาพก็จะทำให้ทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เช่น นักเรียนโรงเรียนเอกชนเองก็ได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น แต่การจะเพิ่มเงินอุดหนุนให้เป็นสัดส่วนเท่าไรนั้นกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัวเลขที่ปรับเพิ่ม ทั้งนี้ หากดูในภาพรวมแล้วอาจไม่จำเป็นต้องดูว่า จะเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินอุดหนุนรายหัวของโรงเรียนรัฐ หากคิดออกมาถ้าจะอุดหนุนโรงเรียนเอกชนมากกว่าโรงเรียนรัฐบาลก็ยังได้ เพราะมีการคิดวิเคราะห์มากันแล้วว่า ถ้าส่งเสริมให้เอกชนจัดการศึกษาเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 70% รัฐจะใช้งบประมาณน้อยลง ไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การจะปรับเพิ่มเพดานเล่าเรียนและการเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวโรงเรียนเอกชนที่จัดทำไว้ จะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการ ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ |
โพสเมื่อ : 11 ก.พ. 57 อ่าน 1341 ครั้ง คำค้นหา : |