เดินหน้าสอบอดีตผู้บริหารสพฐ.



          นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีมติให้ทบทวนการเพิกถอนการบรรจุแต่งตั้งครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็น หรือเหตุพิเศษ ว.12 จำนวน 344 ราย ว่า เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าควรพิจารณาให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพราะที่ผ่านมาเป็นการตัดสินโดยใช้ฐานข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังไม่ได้ใช้วิธีการที่ควรจะเป็นไม่มีการสืบสวนข้อเท็จจริง ไม่มีการสอบปากคำ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายในอนาคตได้ อีกทั้งที่ประชุมได้มีการอภิปรายกันอย่างมากว่าการตัดสินว่าทั้ง  344 ราย ขาดคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 อนุ มาตรา 7 คือ เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี และอนุมาตรา 13 คือ เป็นผู้กระทำการทุจริตในการสอบ ซึ่งหากใครถูกพิพากษาให้มีความผิดตามมาตรานี้จะไม่สามารถกลับเข้ามาเป็นครูได้อีกตลอดชีวิต แม้เป็นครูเอกชนก็ไม่ได้ ที่ประชุมจึงเห็นว่าเรื่องนี้ต้องพิจารณาให้ดี เพราะถ้าพิพากษาผิดจะทำให้ผู้ถูกพิพากษาตายทั้งชีวิต นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธาน ก.ค.ศ.จึงเห็นควรให้กลับมาตั้งกรรมการใหม่ และให้พิจารณาเป็นรายบุคคล ราย อ.ก.ค.ศ.
          เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ. นายอนันต์ ระงับทุกข์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตรองเลขาธิการ กพฐ. นายไกร เกษทัน ผอ.สำนักติดตามและประเมินผล สพฐ.อดีต ผอ.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) และผู้เกี่ยวข้องรวม 8 รายนั้น ก็ยังดำเนินการสอบสวนต่อไป โดยขณะนี้ถึงขั้นการสอบพยานและพิจารณาเอกสารที่กล่าวอ้าง ซึ่งกรรมการจะประชุมทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี โดยการสอบสวนขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 50% เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี เชื่อว่าจะสามารถพิจารณาสรุปสำนวนได้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่กำหนด 270 วัน.

          ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


โพสเมื่อ : 17 ต.ค. 56   อ่าน 1614 ครั้ง      คำค้นหา :