![]() |
สาเหตุที่ข้าราชการผิดชำระเงินกู้เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นเงินที่ให้เปล่า โดยจำนวนนี้มีข้าราชการของกระทรวงการคลังกว่า 1,000 ราย ระดับซี 8, ซี 9 กระจายอยู่ในกรมสรรพากรมากที่สุด ในยุคข้าวยากหมากแพงการก่อหนี้เกิดขึ้นได้ง่าย ทั้งการกู้เงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน, นำไปประกอบอาชีพ หรือเพื่อใช้ในการศึกษาเล่าเรียน แต่เมื่อเป็นหนี้แล้วก็ต้องใช้คืน โดยเฉพาะในโครงการกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่เป็นหนี้มหากาพย์ที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมไม่ยอมใช้หนี้นั่นเอง ส่วนใหญ่มาจากการใช้เงินเกินตัวหรือบริหารเงินไม่เป็นคิดว่าการกู้เงินมาใช้ก่อนนั้นง่ายไม่ใช่ปัญหา โดยเฉพาะการกู้ยืมจาก กยศ. ที่นักเรียนนักศึกษาสนใจกู้จำนวนมาก ขณะเดียวกันกลับไม่ชำระหนี้ตามกำหนด เนื่องจากคิดกันเองว่า“มีคนจำนวนมากที่ไม่จ่ายหนี้คืน” อย่างไรก็ตามถ้าไม่ใช้หนี้เพราะไม่มีงานทำยังพอเข้าใจได้ แต่ถ้ามีหน้าที่การงานมั่นคงแล้ว ยิ่งต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการคืนเงินเพื่อเปิดโอกาสให้รุ่นลูกรุ่นหลานมีเงินทุนไว้ใช้เรียนต่อเนื่องจนเป็นที่มาของแนวคิด นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการกองทุน กยศ. ที่ลงนามร่วมกับทุกกระทรวงเพื่อให้ข้าราชการที่ผิดสัญญาชำระเงินกู้กับ กยศ. ทั้งประเทศกว่า 66,000 ราย มาเข้ารับการปรับโครงสร้างหนี้ จากข้อมูลปัจจุบัน กยศ. มีข้าราชการที่เป็นลูกหนี้ กยศ. และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กรอ.) ที่ค้างชำระเงินกู้ยืมเมื่อสิ้นเดือน ธ.ค. 58 ประมาณ 173,000 ราย และในจำนวนนี้ได้ปิดบัญชี 36,000 ราย, ไม่ค้างชำระหนี้ 71,000 ราย ส่วนอีก 66,000 ราย ยังค้างชำระอยู่หรือคิดเป็น 38% ทางกองทุนฯ ได้ส่งข้อมูลของผู้กู้ยืมให้แต่ละกระทรวงเพื่อจูงใจและกระตุ้นให้ข้าราชการสามารถใช้หนี้คืนได้ง่าย
ทั้งนี้การดำเนินการตามความสมัครใจโดยให้ข้าราชการเข้าร่วมโครงการ ด้วยการหักเงินจากบัญชีเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ทันที และได้รับการปรับโครงสร้างชำระหนี้ตามความเหมาะสมและไม่เดือดร้อน หรือกรณีที่จ่ายเงินคืนทั้งก้อนก็จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษให้ เช่น มีเงินคืนบางส่วน แต่รายใดที่ไม่เข้าโครงการและไม่ชำระหนี้คืนก็ถือว่ามีความผิด มีโทษตามระเบียบราชการ นอกจากนี้ได้เชิญชวนองค์กรนายจ้าง ทั้งภาครัฐ และเอกชนเข้าร่วมเพื่อสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบและวินัยทางการเงินให้แก่บุคลากรที่เป็นผู้กู้ยืมให้ชำระเงินคืนกองทุน นอกจากนี้เงินที่ชำระคืนนี้จะหมุนเวียนกลับเข้ามาในระบบแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษารุ่นต่อไปได้ใช้ การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่สร้างความรับผิดชอบให้บุคลากรที่เป็นผู้กู้ยืมชำระหนี้คืนในโครงการ“กยศ.กรอ.เพื่อชาติ”พร้อมมีมาตรการจูงใจในสังกัดองค์กรนายจ้างที่เข้าร่วมโครงการจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 59 ทั้งนี้องค์กรนายจ้างสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงของบุคลากรที่เป็นผู้กู้ยืมเงินกองทุนไม่ให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี อีกทั้งยังมีส่วนร่วมเพื่อช่วยให้บุคลากรมีวินัยทางการเงินและจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม หากผู้กู้ยืมยินยอมให้นายจ้างหักเงินเดือนสำหรับผู้กู้ที่ไม่ค้างชำระ เมื่อชำระเสร็จสิ้นแล้วจะได้เงินคืน 1% ของเงินต้นคงเหลือ แต่หากผู้กู้ที่ค้างชำระยินยอมชำระหนี้เป็นปกติจะได้ลดเบี้ยปรับ 100% หรือหากไม่สามารถชำระหนี้ให้เป็นปกติได้ ทางกองทุนจะปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ให้กับผู้กู้ยืมพร้อมลดเบี้ยปรับ 50% และมีระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ตามสัญญา
นอกจากนี้ในปี 59 กยศ. ยังได้ปรับเกณฑ์ปล่อยกู้ต้องมีผลการเรียนขั้นต่ำ 2.0 และทำการบำเพ็ญประโยชน์ 36 ชั่วโมง เป็นไปตามนโยบายของ คสช. ที่ต้องการให้การปล่อยกู้มีความเข้มงวดเพื่อคัดกรองเด็กที่มีคุณภาพไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต เชื่อว่ายังมีเด็กยากจนแต่เรียนดีจำนวนมากและเกรดเฉลี่ยที่กำหนดไม่ถือว่ามากเกินไป กรณีที่เด็กเกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.0 สามารถเปลี่ยนไปเรียนสายอาชีพได้อีกช่องทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามการติดตามการชำระคืนเงินกู้ กยศ. ในปี 59 ตั้งเป้าหมายทำให้ได้ขั้นต่ำ 19,000 ล้านบาท จากปี 58 ชำระคืน 17,000 ล้านบาท จากการออกมาตรการส่งเสริมการชำระหนี้คืน ดังนั้นจากนี้คงต้องจับตามาตรการที่จะดึงข้าราชการที่ผิดสัญญาชำระเงินกู้กับ กยศ. ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน. วุฒิชัย มั่งคั่ง
|
โพสเมื่อ : 01 มี.ค. 59 อ่าน 1497 ครั้ง คำค้นหา : |