![]() |
กระทรวงศึกษาฯ เผยแก้ปัญหาประชากรวัยเรียนนอกระบบชายแดนใต้ เข้าสู่ระบบได้ 60 เปอร์เซ็นต์ โดยน้อมนำยุทธศาสตร์ "ร.9-ร.10" สร้างพื้นฐาน ด้านผู้เชี่ยวชาญฯ ยูเนสโก ชื่นชมความสำเร็จ พร้อมหนุนเด็กที่เหลือ นำเข้าสู่ระบบ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.61 พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมสรุปและแถลงผลการดำเนินงานแก้ปัญหาประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อสาธารณชน ที่ จ.ปัตตานี โดย พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหนึ่งในงานสำคัญที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ เร่งดำเนินการ เพื่อยกระดับคุณภาพ และโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึง ด้วยมุ่งมั่นตั้งใจของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นับตั้งแต่การประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันเมื่อเดือน พ.ย.60 เราติดตาม ช่วยเหลือ สนับสนุน แก้ไขปัญหา ให้เด็กวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบ ได้เข้ารับการศึกษาในรูปแบบต่างๆ ครบทุกคนโดยเร็ว พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จนถึงปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการ (ส่วนหน้า) ได้น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา รวมทั้งพระบรมราโชวาทในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ซึ่งพระราชทานเกี่ยวกับการศึกษาที่ต้องมุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน คือ 1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ที่ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรมจริยธรรม 3. มีงานทำ มีอาชีพสุจริต 4. เป็นพลเมืองดี เป็นหลักคิดในการดำเนินงาน ตั้งแต่การจัดทำฐานข้อมูลนักเรียน การศึกษาระเบียบกฎหมาย กำหนดแนวทางการติดตาม ค้นหาสาเหตุ และจัดหาที่เรียน พร้อมกำหนดผู้รับผิดชอบดูแลนักเรียน และติดตามผลเป็นระยะ "วันนี้จึงมีผลแห่งความก้าวหน้าเกิดขึ้น โดยกระทรวงศึกษา สามารถนำประชากรวัยเรียนอายุระหว่าง 3-18 ปี เข้าสู่ระบบการศึกษาได้กว่า 27,376 คน คิดเป็นร้อยละ 60.45 ของจำนวนเด็กที่อยู่นอกระบบฯ แบ่งเป็นเด็กปกติ 12,759 คน เด็กออกกลางคัน 7,175 คน จบภาคบังคับ 5,573 คน และเด็กพิการ 1,869 คน พร้อมกำหนดมาตรการป้องกันดูแลและช่วยเหลือนักเรียนที่เข้มแข็ง เพื่อให้คงอยู่ในระบบการศึกษา และเติบโตเป็นเยาวชนที่ดีของชาติในอนาคต ส่วนประชากรวัยเรียนที่เหลืออีกร้อยละ 40 จะเร่งติดตามนำเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมจัดระบบช่วยเหลือให้ได้เรียนจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานและมีงานทำ ไม่ว่าจะเข้าเรียนในระบบ นอกระบบ ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา หรืออุดมศึกษา" พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ความสำเร็จขั้นต้นของการทำงานครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นด้วย กระทรวงศึกษาฯ เพียงลำพัง แต่เป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายในรูปแบบการทำงานประชารัฐ ที่จะเป็นแบบอย่างของการทำงานในพื้นที่ชายแดนใต้ และพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของสำนักงาน กศน. ที่มีครู กศน. ทำงานเข้าถึงประชาชนและชุมชนในทุกพื้นที่ จึงย้ำว่า กระทรวงศึกษาจะยังคงให้ความสำคัญกับนักเรียนพิการ ผู้ด้อย พลาด และขาดโอกาสทางการศึกษาให้มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้รับการพัฒนาตามความสามารถ ศักยภาพ และความถนัด เพราะกระทรวงศึกษาฯ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นอกจากนี้ ไทยยังมีกฎหมายและนโยบายการศึกษาที่สำคัญต่อการจัดการศึกษาให้กับประชากรทุกคน โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เช่น มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้แก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย เป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับประชากรทุกคนที่อยู่อาศัยในประเทศไทย, การยกร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างเสริมความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนตกหล่น ที่มีการลงนามรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน เมื่อปี 2550 ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นต้น
ที่มา : นสพ.ไทยรรัฐ |
โพสเมื่อ : 25 ก.ค. 61 อ่าน 2212 ครั้ง คำค้นหา : |