วันนี้( 9 ก.พ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย
รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า
จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)
เมื่อเร็วๆนี้
ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่น
และข้าราชการอื่น มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ตำแหน่งครู โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. รับโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู เท่านั้น
2. การรับโอนต้องไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
หรือ ผู้ได้รับการคัดเลือกรอการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วย
ในกลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาเอก ที่จะรับโอนในเขตพื้นที่การศึกษานั้น
หรือเขตพื้นที่การศึกษาอื่น หรือบัญชีของส่วนราชการ แล้วแต่กรณี
3. ผู้ขอโอนต้องมีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547
" พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ กำหนดว่า
ต้องมีอายุไม่เกิน 50 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร,
มีวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือ ทางอื่นที่ ก.ค.ศ.
รับรองและกำหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง,
มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูที่ยังไม่หมดอายุ , ต้องเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น
หรือ ข้าราชการอื่น
ซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาโดยผล
การสอบแข่งขัน , ปัจจุบันต้องดำรงตำแหน่งสายงานการสอน
สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานนิเทศการศึกษา ตำแหน่งประเภทวิชาการ
และข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ชั้นยศไม่ต่ำกว่าสัญญาบัตร
อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือรวมกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ปี
นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร ,
มีประสบการณ์การสอนหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
หรือหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูตามที่คุรุสภาออกให้เพื่อ
ปฏิบัติหน้าที่สอน มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
และมีภาระงานการสอนขั้นต่ำตามที่ส่วนราชการที่รับโอนกำหนด
โดยความเห็นชอบของ ก.ค.ศ. ,
ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำในอันดับของตำแหน่งที่รับโอน ,
ไม่อยู่ในระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หรือจรรยาบรรณวิชาชีพ
หรือไม่เคยกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณวิชาชีพ,ไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี
อาญาหรือไม่เคยถูกลงโทษทางอาญา
เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
และไม่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีล้มละลาย ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว.
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า
4. ผู้ขอโอนต้องได้รับความยินยอมให้โอน จากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งของส่วนราชการ หรือ หน่วยงานต้นสังกัดก่อน
5. สถานศึกษาที่จะรับโอน ต้องมีจำนวนตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ไม่เกินเกณฑ์อัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด
6. ให้สำนักงานเขตพื้นที่ฯหรือส่วนราชการ
โดยอนุมัติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ.
ตั้งแล้วแต่กรณี เป็นผู้ดำเนินการรับโอน โดยประกาศรับสมัคร
7. ผู้ขอโอนต้องผ่านการประเมินความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมตามที่กำหนด
8. ผู้ผ่านการประเมินต้องได้คะแนนแต่ละข้อไม่ต่ำกว่า 60% และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการประเมินเท่ากับจำนวนตำแหน่งว่างที่ประกาศรับโอน
9.
ผู้ที่ได้รับอนุมัติให้โอนจะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาที่รับโอน
ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ออกคำสั่งรับโอน หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว
ผู้รับโอนอาจยกเลิกการรับโอนได้ และ
10. ผู้ที่ได้รับการโอนมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู ต้องเข้ารับการพัฒนาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ด้าน นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากนี้
ก.ค.ศ. จะต้องไปทำรายละเอียด เพื่อเป็นแนวทางให้เขตพื้นที่ฯ
นำไปปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการอื่นมาบรรจุและแต่งตั้ง
เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยสังกัดสพฐ. ได้
แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ก.ค.ศ.กำหนด โดยไม่ต้องสอบขึ้นบัญชีเช่นเดิม
ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้สามารถบรรจุครูที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์
รวมถึงยังแก้ปัญหาขาดครู โดยเฉพาะในสาขาที่เป็นความต้องการได้.
ที่มา เดลินิวส์ วันจันทร์ 9 กุมภาพันธ์ 2558