จ่อชงบอร์ดปฏิรูป ศธ.ฟื้น "กรมวิชาการ" แยกตัวจาก สพฐ.ดูแลหลักสูตรภาพรวมประเทศ
คณะอนุฯ ปฏิรูปการเรียนรู้
เตรียมชงบอร์ดปฏิรูป ศธ.ฟื้นกรมวิชาการ แยกออกจาก
สพฐ.ให้เป็นหน่วยงานกลางดูแลหลักสูตรในภาพรวมของทั้งประเทศ
ขึ้นตรงต่อสถาบันวิจัยระบบการศึกษา องค์กรใหม่ที่จะเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (16 มี.ค.) นางสิริกร มณีรินทร์
ประธานคณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้
ในคณะอำนวยการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์
พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน กล่าวว่า
ในการประชุมคณะอำนวยการปฏิรูปฯ ในพุธที่ 18 มี.ค. นี้
คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้ เตรียมเสนอให้ฟื้นกรมวิชาการขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะหลังจากที่ยุบกรมวิชาการเดิมไปเป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)แล้ว
ทำให้ไม่สามารถบริหารงานการจัดการหลักสูตรได้ครบวงจร อีกทั้ง
ไม่สามารถดูแลเรื่องวิชาการและหลักสูตรให้สถานศึกษาสังกัดอื่นๆ นอกจาก
สพฐ.ด้วย
“ก่อนปี 2549 ที่จะมีการปรับโครงสร้าง ศธ.ใหม่นั้น
กรมวิชาการมีฐานะเป็นกรมดูแลเรื่องวิชาการ หลักสูตรในภาพรวมของทั้งประเทศ
มีบุคลากรกว่า 200 คน แต่หลังจากประกาศใช้โครงสร้างกระทรวงใหม่
กรมวิชาการถูกยุบเป็นสำนักภายใต้ สพฐ. มีบุคคลากรประมาณ 160 คน
แต่มีบุคลลากรที่ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาหลักสูตรโดยตรงแค่ 8 คนซึ่ง
กำลังคนเท่านี้ ไม่เพียงพอจะจัดระบบบริหารจัดการหลักสูตรตามหลักสากล
โดยปกติจะครอบคลุมงาน 4 ด้านหลัก คือ วิจัยและพัฒนาหลักสูตร ,
พัฒนาครูประจำการให้พร้อมสำหรับหลักสูตร , ศึกษา วิจัย
ติดตามผลนำหลักสูตรไปใช้ ผู้เรียนได้ตามสมรรถนะตามที่กำหนดในหลักสูตรหรือ
และสร้างแบบทดสอบขึ้นมาประเมินผลหลักสูตรที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
เพื่อปรับปรุงหลักสูตรเป็นระยะทุกวันนี้
ของบ้านเราทำแค่เรื่องการเขียนหลักสูตรเป็นหลักเท่านั้น
เพราะกรมวิชาการหายไป”นางสิริกร กล่าว
นางสิริกร กล่าวต่อว่า การฟื้นกรมวิชาการขึ้นมาใหม่
จะทำให้มีหน่วยงานดูแลเรื่องหลักสูตรในภาพรวมอย่างครบวงจร
และจะโยกให้กรมวิชาการไปขึ้นอยู่กับสถาบันวิจัยระบบการศึกษา ซึ่งเป็น 1 ใน 3
ขององค์กรใหม่ที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ คือ
คณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หรือ ซุปเปอร์บอร์ด ,
สำนักงานหลักประกันการศึกษาแห่งชาติ (สปสช.ด้านการศึกษา ) และสถาบันวิจัยฯ
เมื่อกรมวิชาการไปอยู่ภายใต้กำกับของสถาบันวิจัยการศึกษาแล้ว
จะทำให้การดูแลเรื่องหลักสูตรครบวงจรทั้งการพัฒนา
วิจัยและประเมินผลของหลักสูตร
“ความล้มเหลวของการปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมา คือ การไปยุบกรมวิชาการ
เพียงสำนักใน สพฐ.ไม่มีบทบาท อำนาจหน้าที่จะไปดูแลโรงเรียนอื่นๆ นอกสังกัด
สพฐ.ได้ อีกทั้ง
ยังมีความจำเป็นต้องมีหน่วยงานวิจัยหลักสูตรอย่างครบวงจรและเป็นระบบ
ให้ได้เกิดผลที่เกิดกับผู้เรียนที่ชั้นเรียน แต่พอมันขาดวงจรตรงนี้
นี่คือเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้การปฏิรูปการเรียนรู้ไม่อาจเกิดผลที่โรงเรียน
ได้
เพราะไม่มีหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบด้านการวิจัยและพัฒนาคุณภาพวิชาการ”นาง
สิริกร กล่าวและว่า ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ยังเตรียมเสนอปรับแก้
พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหมวด 4 มาตราที่ 2
โยกอำนาจหน้าที่ในการกำหนดหลักสูตรแกนกลางออกจากคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้น
ฐาน(กพฐ.)ไปอยู่ที่ซุปเปอร์บอร์ด และสถาบันวิจัยการศึกษาด้วย
เพื่อจะได้ดูแลงานวิชาการของทั้งประเทศ
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มีนาคม 2558 |
โพสเมื่อ :
17 มี.ค. 58
อ่าน 1326 ครั้ง คำค้นหา :
|
|