คอลัมน์ Education Ideas
โดย วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ - ผู้เขียน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความคิดสร้างสรรค์ ศธ.
มองการศึกษาไทย จับไปตรงไหนก็ดูจะเต็มไปด้วยปัญหา
และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้รับผิดชอบการศึกษาของชาติ เช่น
เปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
รวมทั้งเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
มักจะมีการกําหนดนโยบายใหม่เพื่อแก้ปัญหาการศึกษาของชาติ
หลายครั้งมีการยกเลิกโครงการเดิมและจัดทําโครงการใหม่
โดยไม่คํานึงถึงความต่อเนื่องและผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
หลายนโยบายทําเพียงแค่เพื่อให้ได้รับความนิยมในช่วงเวลาสั้น ๆ
โดยขาดการมองผลเสียที่จะตามมาในระยะยาว
หลายโครงการทําเพื่อหาผลประโยชน์ในทางทุจริต
และได้มีการฟ้องร้องและดําเนินคดีอยู่จนทุกวันนี้
การแก้ปัญหาแต่ละจุดโดยขาดความเข้าใจในภาพรวม นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว
อาจนํามาซึ่งปัญหาใหม่ที่ทําให้การพัฒนาการศึกษาของเราเหมือนเดินวนอยู่กับ
ที่ และมีแนวโน้มว่าจะต่ำลงอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดและสร้างปัญหาอยู่จนทุกวันนี้
คือเรื่องการจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.)
และสํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
ที่มีจุดมุ่งหมายจะยกระดับคุณภาพการศึกษา แต่กลับกลายเป็นสร้างปัญหาใหม่ ๆ
โดยที่คุณภาพการศึกษา นอกจากไม่ดีขึ้นยังต่ำลงเรื่อยมาจนทุกวันนี้
ในฐานะนักการศึกษาที่ทํางานใกล้ชิดกับเครือข่ายครู ผู้ปกครอง ผู้บริหาร
และนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศมาตั้งแต่ก่อนการปฏิรูปการศึกษา พ.ศ. 2542
ผมได้รับฟังปัญหา มีผู้เสนอความคิดเห็นและแนวทางแก้ปัญหามากมาย
จากผู้เกี่ยวข้องที่ต้องรับผลจากความล้มเหลวของการจัดการการศึกษาตลอด 15
ปีที่ผ่านมา จึงขอนําเสนอ แนวทางพัฒนาการศึกษาของชาติ ประเด็นสําคัญ 2
เรื่อง คือการกระจายโอกาสทางการศึกษา และคุณภาพการศึกษา
1. การกระจายโอกาสทางการศึกษา
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโอกาสทางการศึกษานี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะที่ผ่านมา
สิ่งที่เราทํานั้นเหมือนว่าเราได้จัดการศึกษาอย่างทั่วถึงแล้ว
มีการเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ 12 ปี เรามีตัวเลขที่ดูเหมือนว่าจะดี
แต่ในความเป็นจริง เด็กออกจากระบบโรงเรียนมากมาย
โดยไม่ได้ประโยชน์จากการเรียนในระบบ
เพราะการสอนด้วยเนื้อหาตําราที่ห่างไกลชีวิต
ไม่ช่วยให้เด็กส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นจากเรื่องที่เรียน
การกระจายโอกาสทางการศึกษานี้สําคัญมากและเกี่ยวโยงไปหลายเรื่องขอสรุปปัญหาเรื่องโอกาสทางการศึกษาดังนี้
1.1 โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ เด็กยากจน
เด็กชนบทมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพน้อยกว่าเด็กในเมืองและเด็ก
มีฐานะดี เด็กยากจนเหล่านี้ไม่มีเงินกวดวิชา
ส่วนมากจึงต้องเรียนโรงเรียนเล็ก ๆ ในชนบทที่ขาดแคลนบุคลากร ครุภัณฑ์
ส่วนเด็กที่พอจะมีเวลา มีฐานะก็มุ่งหน้ากวดวิชา สอบแข่งขันเข้าเรียนในเมือง
เด็กในเมืองก็แข่งขันเข้าเรียน โรงเรียนดังหรือกรุงเทพฯ
ในขณะที่รัฐจ่ายงบประมาณตามรายหัว โรงเรียนใหญ่ก็ได้งบฯมาก
โรงเรียนเล็กได้งบฯน้อย โรงเรียนเล็กจึงขาดคุณครู เจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์
ฯลฯ คุณภาพทางการศึกษา จึงแตกต่างกันมาก
....โปรดติดตามตอนต่อไป...
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ 10 ก.ย. 2557