ล้างอำนาจเก่า-ขจัดข้าราชการสีเทา1ปี 151คน บัญชีดำ พล.อ.ประยุทธ์



1 ปี 1 เดือน เป็นตัวเลขกลมๆ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติบริหารประเทศ แทนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง151 ราย เป็นตัวเลขที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งโยกย้าย ลดเกรด ลดชั้น เด้งข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น เข้ากรุ ผู้ตรวจ ย้ายมาประจำสำนักนายกฯ และ ฯลฯ นับตั้งแต่การยึดอำนาจจนถึงปัจจุบัน 

ส่วนตัวเลข 71 เป็นเลขที่ "พล.อ.ประยุทธ์" เซ็นคำสั่ง "เชือด" ข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับปัญหาการทุจริต เป็นคำสั่งที่ลงนามในวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา 

มีนักการเมือง-ข้าราชการท้องถิ่นถูกหางเลขพร้อมหน้าพร้อมตา อาทิ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายก อบจ.สมุทรปราการ นายพรชัย โควสุรัตน์ นายก อบจ.อุบลราชธานี นายนิพนธ์ บุณยเกียรติ ผู้อำนวยการกองแผนและงบประมาณ อบจ.สมุทรปราการ

หลังจากก่อนหน้านี้ "พล.อ.ประยุทธ์" ได้ฟันข้าราชการที่พัวพันทุจริตมาแล้วลอตหนึ่ง จำนวน 45 ราย เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม

โทษของการมีชื่ออยู่ใน "บัญชีดำ" ทั้งสองลอตนี้ ปรากฏอยู่ในราชกิจจานุเบกษาเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการ ในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทาง สังกัดเดิม

ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

ย้ายไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้ง อยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนด แต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม 


เป็นการใช้อำนาจเด็ดขาดของผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์สะสางการทุจริต 

ต้นเรื่องของการโยกย้ายบิ๊กลอตก็เพราะ พลันที่รัฐบาลกดปุ่มเดินหน้าปราบทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะในแวดวงข้าราชการ ได้สั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการตรวจสอบทุจริต ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐหอบสำนวน พยาน หลักฐาน เรื่องที่มีการร้องเรียนการทุจริตค้างเก่ามาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง

แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รม ว.ยุติธรรม เป็นประธาน เพื่อเคาะรายชื่อคนที่มีส่วนเอี่ยวในการทุจริตมาบรรจุไว้ในบัญชีดำก่อนชงให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 สั่ง ปรับ ลด ปลด ย้าย ข้าราชการ และนักการเมืองท้องถิ่น ทั้งนี้ รวมเฉพาะสองลอต รวม 122 ราย 

ขณะเดียวกันยังมีข่าวแว่วมาจาก ศอตช.ว่า จะมีการเสนอบัญชีดำครั้งที่ 3 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงดาบในรอบต่อไปในห้วงเวลาอันใกล้นี้ 

และถ้ารวมกับคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจการปกครองใหม่ๆ ตั้งแต่คำสั่งแรกในวันที่ 24 พ.ค. 57 หรือหลังการยึดอำนาจ 2 วัน กระทั่ง จดปากกาเซ็นคำสั่ง คสช.โยกย้ายข้าราชการฉบับสุดท้าย 7 ก.ค. 57 

นับหัวข้าราชการที่ถูกย้ายทั้งสิ้น 34 ตำแหน่ง 

จำแนกออกเป็นกลุ่มข้าราชการขั้วอำนาจเก่าที่ถูกมองว่าอาจเป็นเครื่องมือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวน 7 ราย อาทิ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ปลัดกระทรวงกลาโหม

นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลดจากตำแหน่งแต่ยังคงให้ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

กลุ่มข้าราชการที่ถูกย้ายเข้ากรุทำเนียบฯ ด้าน เศรษฐกิจ ด้านแรงงาน พลังงาน จำนวน 16 ราย อาทิ นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ พ้นจากตําแหน่ง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการสํานักนายกรัฐมนตรี  

นายสมชาติ สร้อยทอง พ้นจากตําแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ พ้นจากตําแหน่ง ปลัดกระทรวงพลังงาน และให้ดํารงตําแหน่ง ที่ปรึกษาประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายสมชัย ศิริวัฒนโชค พ้นจากตําแหน่ง ปลัดกระทรวงคมนาคม และให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาประจําสํานักนายกรัฐมนตรี 

กลุ่มข้าราชการด้านกระบวนการยุติธรรม - หน่วยงานยุติธรรมของรัฐ มี 5 ราย อาทิ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด ย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายตระกูล วินิจนัยภาค รองอัยการสูงสุด ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ผู้รักษาราชการแทนอัยการสูงสุด 

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย พ้นจากตําแหน่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการ ในสํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พ้นจากตําแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และให้กลับไปปฏิบัติราชการที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ

กลุ่มวัฒนธรรมและการศึกษา 3 ราย อาทิ นายปรีชา กันธิยะ พ้นจากตําแหน่ง ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาประจําสํานักนายกรัฐมนตรี 

กลุ่มสิ่งแวดล้อม 3 ราย อาทิ นายโชติ ตราชู พ้นจากตําแหน่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและให้ดํารงตําแหน่ง ที่ปรึกษาประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายนพพล ศรีสุข พ้นจากตําแหน่ง อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ พ้นจากตําแหน่ง อธิบดีกรมป่าไม้ และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

รวม 13 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจทั้งตอนที่เป็นหัวหน้า คสช. และเป็นนายกฯ ใช้อำนาจมาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่นทั้งหมด 151 คน

เป็น 151 ที่ถูกบรรจุในบัญชีดำ

ต้องจับตาต่อไปว่าจะมีอีกกี่คนที่ถูกจารึกไว้ในบัญชีดำของ พล.อ.ประยุทธ์

 

 

ที่มาจาก ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 1 กรกฎาคม 2558


โพสเมื่อ : 02 ก.ค. 58   อ่าน 1472 ครั้ง      คำค้นหา :