คอลัมน์ สถานี ก.ค.ศ. โดย กลุ่มประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ สำนักงาน ก.ค.ศ.
สืบเนื่องจากการที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้นำเสนอการกระทำผิดของ อ.ก.ค.ศ.
เขตพื้นที่การศึกษากรณีเรียกรับเงินจากข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เกี่ยวกับการพิจารณาการโอน การย้าย
การวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ตำแหน่งหรือวิทยฐานะที่สูงขึ้น
หรือการสอบเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ ซึ่ง ก.ค.ศ.
มีบทลงโทษโดยการดำเนินการทางวินัยสำหรับผู้ที่อยู่ในระบบราชการ
ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบราชการก็ถูกดำเนินคดีอาญา
และมีการถอดถอนการทำหน้าที่ทั้งคณะ
โดยในตอนท้ายได้มีช่องทางให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกรับผล
ประโยชน์สามารถร้องเรียนมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2280-2835 หรือ
www.otepc.go.th นั้นปรากฏว่าได้มีผู้โทรศัพท์สอบถามมาว่า
หากผู้เรียกรับเงินจากการประเมินวิทยฐานะเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษา จะมีความผิดสถานใด
ในกรณีเช่นนี้ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงและได้มีการพิจารณาจาก
อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ ซึ่งทำการแทน ก.ค.ศ. แล้ว
โดยมีมติลงโทษทางวินัยโดยการไล่ออกจากราชการ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นดังนี้
นายสม (นามสมมุติ)
ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
ได้เรียกรับเงินจากคณะครูที่ได้ยื่นขอรับการประเมินเพื่อเลื่อนเป็นวิทยฐานะ
ชำนาญการพิเศษ ตามหลักเกณฑ์ ว17/2552
โดยเมื่อคณะครูได้ขอเข้าพบเพื่อขอคำแนะนำในการจัดทำผลงานทางวิชาการ
แต่ นายสม กลับนำรายชื่อกรรมการผู้ประเมินมาอ่านให้คณะครูดังกล่าวฟัง
และขอให้คณะครูจ่ายเงินให้ตนคนละ 10,000 บาท เพื่อเป็นค่ารับรองกรรมการ
แต่คณะครูไม่ได้จ่าย
และได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนต่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การ
ศึกษา จนนำไปสู่กระบวนการสอบสวนและดำเนินการทางวินัย
ซึ่งพฤติกรรมของ นายสม
ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พ.ศ.2547 มาตรา 84 วรรคสาม ที่บัญญัติไว้ว่า
"...การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ
เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้
เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง" และมาตรา 94
วรรคสอง "...การกระทำอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง..."
ซึ่งโทษทางวินัยกรณีผิดวินัยอย่างร้ายแรงคือ การปลดออกจากราชการ
หรือไล่ออกจากราชการ ทั้งนี้
อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ ซึ่งดำเนินการแทน ก.ค.ศ.
มีมติไล่ออกจากราชการ
จากกรณีตัวอย่างที่นำมาบอกกล่าวในวันนี้ เป็นกรณีที่เกิดขึ้นจริง
และดำเนินการลงโทษจริงมาแล้ว ผู้ที่ฝากข้อความไว้ในเว็บบอร์ดของสำนักงาน
ก.ค.ศ. หรือทาง Facebook ของสำนักงาน ก.ค.ศ. เกี่ยวกับเรื่องลักษณะเช่นนี้
ขอให้ท่านให้ข้อมูลที่เป็นจริง
สามารถนำไปสู่การดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงได้
จะเป็นการช่วยกำจัดคนไม่ดีไม่ให้อยู่ในแวดวงการศึกษา
ทำให้วงการวิชาชีพข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป
แต่หากมีการร้องเรียนโดยไม่เป็นความจริง
ผู้ร้องเรียนก็จะถูกดำเนินการทางวินัยเช่นเดียวกัน ดังนั้น
ขอให้ทุกท่านที่จะร้องทุกข์ร้องเรียนให้ข้อมูลที่เป็นจริงที่จะนำไปสู่การ
ดำเนินการ ตามกระบวนการทางวินัยได้
อันจะนำไปสู่ระบบการบริหารงานบุคคลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ต่อไป
ที่มาจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 29 มิถุนายน 2558